Get me outta here!

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

โครงสร้างรากเเละหน้าที่ของราก

โครงสร้างรากเเละหน้าที่ของราก


       ราก คือ ส่วนหนึ่งที่งอกต่อจากต้นลงไปในดิน ไม่แบ่งข้อและไม่แบ่งปล้อง ไม่มีใบ ตา และดอก หน้าที่ของราก คือ สะสมและดูดซึมอาหารมาบ้ารุงเลี้ยงต้นพืช นอกจากนี้ยังยึดและค้้าจุนต้นพืช รากของพืช 


แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ

1.ระบบรากแก้ว  คือ  มีรากส้าคัญงอกออกจากล้าต้นส่วนปลาย รูปร่างยาว ใหญ่ เป็นรูปกรวยด้านข้างของราแก้ว จะแตกแขนงออกได้ 2-3 ครั้ง ไปเรื่อย ๆ รากเล็กส่วนปลาย จะมีรากฝอยเล็ก ๆ ออกมาเป็นจ้านวนมาก



2. ระบบรากฝอย  คือ   เป็นรากที่งอกออกจากล้าต้นส่วนปลายพร้อมกันหลายๆ ราก ลักษณะ เป็นราก กลมยาวขนาดเท่าๆ กันพบว่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะมีรากแบบรากฝอย ตัวอย่างพืชที่มีรากแบบนี้คือ ตะไคร้ หญ้าคา เป็นต้น


การศึกษาราก แบ่งเป็น 
    1.โครงสร้างของราก 
    2.หน้าที่ของราก 

โครงสร้างภายในของราก
      เนื้อเยื่อของรากทั้งพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวางตรงบริเวณที่เซลล์เจริญเติบโตเต็มที่ จะพบว่าเนื้อเยื่อของรากแบ่งออกเป็นชั้นๆเรียงจากภายนอก

      1. epidermis เป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดมีเซลล์ที่เรียงตัวกันเพียงชั้นเดียวและผนังเซลล์บาง ไม่มีคลอโรพลาสต์ บางเซลล์จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นขนราก
      2. cortex เป็นอาณาเขตระหว่างชั้น epidermis และ stele ประกอบด้วยเนื้อเยื่อพาเรงคิมาที่ท้าหน้าที่ สะสมน้้าและอาหารเป็นส่วนใหญ่
      3. endodermis เป็นเซลล์ชั้นเดียว ผนังหนา
      4. stele เป็นบริเวณที่อยู่ถัดจากชั้น endodermisเข้าไป พบว่าstele ในรากจะแคบกว่าชั้น cortex
      ประกอบด้วยชั้นต่างๆดังนี้
      4.1 pericycle เป็นเซลล์ผนังบางขนาดเล็กมี 1-2 แถว พบเฉพาะในรากเท่านั้น เป็นแหล่งก้าเนิดของ รากแขนง ( secondary root ) 
      4.2 vascularbundle ประกอบด้วย xylem อยู่ตรงใจกลางเรียงเป็นแฉกโดยมี phloem อยู่ระหว่าง 2 แฉก

ล้าดับการจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อของบริเวณราก เรียงจากนอกสุดเข้าในสุด
  
 เอพิเดอร์มิส --> คอร์เทกซ์ --> สตีล --> พิธ 

โครงสร้างของปลายราก
     ปลายราก ( root tip ) ประกอบด้วยบริเวณต่างๆ 4 บริเวณ

1. บริเวณหมวกราก (regionof root cap)
    ประกอบด้วยเซลล์ที่เรียงตัวกันอย่างหลวมๆ ท้าหน้าที่ ห่อหุ้มและป้องกันอันตรายให้กับเนื้อเยื่อเจริญ เซลล์ของหมวกรากจะฉีกขาดอยู่เสมอเมื่อรากยาวขึ้นและ เจริญลงไปในดิน

2. บริเวณเซลล์แบ่งตัว ( region of cell division )
     เป็นบริเวณที่อยู่ถัดหมวกรากขึ้นไป ประกอบด้วย เนื้อเยื่อเจริญ (meristem) ที่มีเซลล์ขนาดเล็ก ผนังเซลล์บาง ภายในมีโปรโตพลาสซึมมาก มีการแบ่งตัวแบบ ไมโทซิส (mitosis) ตลอดเวลา ท้าให้มีจ้านวนเซลล์เพิ่มมากขึ้น

3. บริเวณเซลล์ยืดตัว หรือ บริเวณเซลล์ขยายตัวตามยาว ( region of cell elongation )
     เป็นกลุ่มเซลล์ ที่เจริญมาจากการแบ่งเซลล์ เซลล์ในบริเวณนี้มีแวคิวโอล (vacuole) ใหญ่ ขนาดเซลล์ก็ขยายใหญ่กว่าบริเวณ เซลล์แบ่งตัว

4. บริเวณเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงไปท้าหน้าที่เฉพาะและเจริญเติบโตเต็มที่ ( region of cell differentiation and maturation )
      เซลล์บริเวณนี้เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปต่างๆกัน ผนังเซลล์หนาขึ้น มีการ แบ่งกลุ่มของเซลล์เป็นเนื้อเยื่อชนิดต่างๆได้ชัดเจน

หน้าที่และชนิดของราก

รากมีหน้าที่หลักที่ส้าคัญ คือ 
1. ดูด ( absorption ) น้้าและแร่ธาตุที่ละลายน้้าจากดินเข้าไปในล้าต้น 
2. ล้าเลียง ( conduction ) น้้าและแร่ธาตุรวมทั้งอาหารซึ่งพืชสะสมไว้ในรากขึ้นสู่ส่วนต่างๆของล้าต้น 
3. ยึด ( anchorage ) ล้าต้นให้ติดกับพื้นดิน 
4. แหล่งสร้างฮอร์โมน ( producing hormones ) รากเป็นแหล่งส้าคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชหลายชนิด เช่น ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน ซึ่งจะถูกล้าเลียงไปใช้เพื่อการเจริญพัฒนาของส่วนล้าต้น ส่วนยอด และส่วน อื่นๆของพืช


รากค้้าจุน (prop root ) 
      เป็นรากที่แตกออกจากข้อของล้าต้นที่อยู่ใต้ดินและเหนือดิน เล็กน้อย แล้วพุ่งทะแยงลงไปในดินเพื่อช่วยพยุงและค้้าจุนล้าต้น ได้แก่ รากเตย ล้าเจียก ข้าวโพด ยางอินเดีย โกงกาง และไทรย้อย 





 รากเกาะ (climbing root ) 
     เป็นรากที่แตกออกมาจากส่วนข้อของล้าต้น แล้วเกาะติดกับสิ่งยึด เกาะ เช่นเสาหรือหลักเพื่อพยุงล้าต้นให้ติดแน่นและชูส่วนของล้าต้นให้สูงขึ้นไป และให้ส่วนต่างๆของพืช ได้รับแสงมากขึ้น ได้แก่ พลูพลูด่าง พริกไทย และกล้วยไม้ 



 รากหนาม ( root thorn )
      เป็นรากที่มีลักษณะเป็นหนามงอกมาจากบริเวณโคนต้น ตอนงอกใหม่ๆ เป็นรากปกติแต่ต่อมาเกิดเปลือกแข็งท้าให้มีลักษณะคล้ายหนามแข็ง ช่วยป้องกันโคนต้นได้ เช่น ปาล์ม 



รากสะสมอาหาร ( storage root )
    ท้าหน้าที่สะสมอาหารพวกแป้ง ไขมัน และโปรตีน เช่น ราก กระชายมันเทศ มันแกว มันส้าปะหลัง
  









อ้างอิง
http://www.rr.ac.th/ratana/file.php/2/3_.pdf

ที่มาของข้อมูล : http://www.lks.ac.th/student/kroo_aumara/bio02/s1_2.htm http://yaipu.blogspot.com/2009/06/blog-post_20.html http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=1997 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น